Data Center ถือเป็นศูนย์กลางการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญที่สุด และหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่ทำให้ Data Center ทำงานได้อย่างราบรื่น คือ สายแลน (LAN Cable) ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงอุปกรณ์เครือข่ายเข้าด้วยกัน การเลือกสายแลนที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีผลต่อทั้ง ความเร็ว ความเสถียร ความปลอดภัย รวมถึง ค่าใช้จ่ายในอนาคต บทความนี้จะอธิบายตั้งแต่ความหมาย ประเภทของสายแลนที่ใช้ใน Data Center วิธีเลือกใช้งาน ไปจนถึงข้อแนะนำการติดตั้งและการเปรียบเทียบกับสายไฟเบอร์ออฟติก
สายแลน (LAN Cable) คืออะไร?

สายแลน หรือ Local Area Network Cable เป็นสายสัญญาณ (Ethernet) ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในเครือข่ายท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเซิร์ฟเวอร์ สวิตช์ เราเตอร์ หรือระบบจัดเก็บข้อมูล ซึ่งสายแลนนี้เป็นเหมือนเส้นเลือดหลักของ Data Center ที่ทำหน้าที่ลำเลียงข้อมูลให้ไหลเวียนไปมาอย่างมีประสิทธิภาพ สายแลนถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความเร็วที่สูงขึ้น จากเดิมที่รองรับเพียง 100 Mbps มาสู่มาตรฐานใหม่ที่สามารถรองรับความเร็วระดับ 10Gbps ไปจนถึง 40Gbps ได้ในปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่สายแลนจะเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบโครงสร้างเครือข่ายของทุกองค์กร
ประเภทของสายแลนที่ใช้ใน Data Center
การเลือกประเภทสายแลน (LAN Cable) มีความสำคัญ เพราะแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความเร็วและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้
- สาย LAN Cat 5e รองรับความเร็วสูงสุด 1Gbps ที่ระยะ 100 เมตร เหมาะกับงานทั่วไป แต่ไม่ตอบโจทย์ Data Center ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง
- สาย LAN Cat 6 รองรับ 1Gbps ที่ 100 เมตร และ 10Gbps ที่ 55 เมตร มีการลดสัญญาณรบกวนที่ดีกว่า Cat 5e
- สาย LAN Cat 6A รองรับ 10Gbps ได้เต็มระยะ 100 เมตร ถือเป็นมาตรฐานที่นิยมที่สุดสำหรับ Data Center สมัยใหม่
- สาย LAN Cat 7 / Cat 7A มีการ Shielding ป้องกันสัญญาณรบกวน รองรับความเร็วถึง 40Gbps ที่ระยะสั้น เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวนสูง
- สาย LAN Cat 8 รองรับ 25–40Gbps ที่ระยะ 30 เมตร ออกแบบมาเพื่อ High-Performance Data Center ที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูง
ปัจจัยสำคัญในการเลือกสายแลนสำหรับ Data Center

การเลือก สายแลน (LAN Cable) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วย ความเร็วและแบนด์วิดธ์เป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง เพราะหาก Data Center ต้องการใช้งานระบบ 10GbE หรือสูงกว่า สายที่เลือกใช้ต้องรองรับความเร็วในระดับนั้นได้อย่างเสถียร ระยะทางในการเดินสายก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง หากต้องเดินสายยาวเกิน 55 เมตร Cat 6 จะไม่เพียงพอและควรเลือกใช้ Cat 6A ขึ้นไปเพื่อความมั่นใจ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาประเภทของสายว่าควรเลือกแบบสาย UTP หรือสาย STP หาก Data Center มีแนวโน้มที่จะต้องอัปเกรดระบบในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ก็ควรลงทุนกับสายที่มีความสามารถสูงกว่าในปัจจุบัน เพื่อป้องกันการเปลี่ยนสายใหม่ซ้ำซ้อนและช่วยลดต้นทุนในระยะยาว
- ความเร็วและ Bandwidth พิจารณาว่า Data Center ต้องใช้ความเร็วระดับใด เช่น 10GbE, 25GbE หรือ 40GbE
- ระยะทางการเดินสาย Cat 6A รองรับการเดินสายยาวได้ดีกว่า Cat 8 ที่จำกัดเพียง 30 เมตร
- Shielding (UTP vs STP) Data Center ควรเลือก STP เพื่อลดการรบกวนจากอุปกรณ์ไฟฟ้า
- มาตรฐานสากล เช่น ANSI/TIA-568, ISO/IEC 11801 เพื่อให้มั่นใจว่าใช้งานได้จริง
- การรองรับอนาคต (Future Proof) เลือกสายที่รองรับการอัปเกรด เช่น Cat 6A ขึ้นไป
เทคนิคการติดตั้งสายแลนใน Data Center
- ใช้ Patch Panel และ Rack เพื่อจัดเก็บสายให้เป็นระเบียบ
- แยกเส้นทางเดินสายไฟฟ้าออกจากสายสัญญาณ
- ใช้อุปกรณ์เสริมคุณภาพสูง เช่น Keystone Jack และ Patch Cord
- ตรวจสอบคุณภาพสายก่อนใช้งานด้วยการทดสอบมาตรฐาน Fluke Test
เปรียบเทียบสายแลนกับสายไฟเบอร์ออฟติก
สายแลน (LAN Cable) | สายไฟเบอร์ออฟติก (Fiber Optic Cable) |
---|---|
ราคาประหยัด ติดตั้งง่าย เหมาะกับการเชื่อมต่อระยะสั้นถึงกลาง | รองรับระยะทางไกลหลายกิโลเมตร ความเร็วสูงถึง 100Gbps ทนทานต่อสัญญาณรบกวน |
เลือกใช้สายแลนตามขนาด Data Center

- Small Data Center เลือก Cat 6 หรือ Cat 6A
- Medium Data Center ใช้ Cat 6A หรือ Cat 7 เพื่อความมั่นใจ
- Large Data Center / Hyperscale ใช้ Cat 7, Cat 8 และ Fiber Optic ร่วมกัน
ทั้งนี้ ขนาดของ Data Center ก็มีผลโดยตรงต่อการเลือกสายแลน หากเป็น Data Center ขนาดเล็กที่ไม่ได้ต้องการ Bandwidth สูงมากนัก Cat 6 หรือ Cat 6A ก็มักจะเพียงพอ แต่หากเป็น Data Center ขนาดกลางที่ต้องการความเสถียรมากขึ้น ควรเลือกใช้ Cat 6A หรือ Cat 7 เพื่อรองรับการใช้งานในระยะยาว ส่วน Data Center ขนาดใหญ่หรือ Hyperscale จำเป็นต้องเลือกใช้ Cat 7, Cat 8 ควบคู่กับสายไฟเบอร์ออฟติก เพื่อให้รองรับระบบความเร็วระดับ 25–40Gbps ได้
สรุปคำตอบว่าสายที่เหมาะกับ Data Center คืออะไร
สำหรับ Data Center ส่วนใหญ่สายที่เหมาะสมที่สุดคือ สายแลน Cat 6A เนื่องจากคุ้มค่า รองรับความเร็ว 10Gbps ได้เต็มระยะ และผ่านมาตรฐานสากล หากเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการรองรับความเร็วสูงกว่า 25Gbps ขึ้นไป ควรเลือก Cat 7 หรือ Cat 8 ควบคู่กับไฟเบอร์ออฟติกเพื่อให้ระบบมีประสิทธิภาพสูงสุด
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า การเลือกสายแลนสำหรับ Data Center ไม่ได้เป็นเพียงการเลือกสายสัญญาณธรรมดา แต่เป็นการเลือกโครงสร้างพื้นฐานที่มีผลต่อประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายทั้งหมด ปัจจุบันสาย Cat 6A ถือเป็นมาตรฐานที่สมดุลที่สุด ทั้งด้านความเร็ว การรองรับอนาคต และต้นทุน แต่หากเป็นการลงทุนในระดับ Hyperscale หรือองค์กรที่ต้องการระบบที่รองรับการทำงานความเร็วสูง สาย Cat 7 หรือ Cat 8 รวมถึงการใช้สายไฟเบอร์ออฟติกควบคู่กันจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุด และเพื่อความมั่นใจในคุณภาพ ควรเลือกสายจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐานสากลรองรับอย่าง Focomm ที่พร้อมทั้งสายแลนคุณภาพสูงและอุปกรณ์ประกอบครบวงจรสำหรับทุกขนาดของ Data Center ติดต่อได้ที่ Line Official @focomm หรือ โทร 02 973 1966 / 081 659 4477 (Admin)