สายไฟเบอร์ออฟติก คืออะไร? เลือกใช้งานอย่างไรให้ถูกต้อง

ความเร็วและความเสถียรของการสื่อสารข้อมูล เป็นสิ่งสำคัญที่สุด สายไฟเบอร์ออฟติก (Fiber Optic Cable) ได้เข้ามาแทนที่สายทองแดงแบบเดิม ด้วยความสามารถในการส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง ปริมาณมหาศาล และมีความเสถียรสูงสุด บทความนี้จะอธิบายว่า สายไฟเบอร์ออฟติกคืออะไร มีกี่ประเภท ข้อดีข้อจำกัดอย่างไร และเหตุผลที่คุณควรเลือกใช้งาน

สายไฟเบอร์ออฟติก (Fiber Optic Cable) คืออะไร?

สายไฟเบอร์ออฟติก คือ สายสัญญาณที่ใช้ใยแก้วนำแสงหรือใยพลาสติกเป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล แทนที่จะใช้สัญญาณไฟฟ้าเหมือนสายทองแดงแบบดั้งเดิม สายชนิดนี้ใช้การส่งสัญญาณด้วยแสงที่สะท้อนภายในแกนใยแก้ว ทำให้สามารถรับ–ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูง มีความเสถียร และครอบคลุมระยะทางไกลโดยที่สัญญาณไม่สูญเสียมากนัก โครงสร้างของ fiber optic cable ประกอบด้วยแกนกลางที่ทำหน้าที่เป็นเส้นทางให้แสงเดินทาง ชั้นหุ้มที่ควบคุมการสะท้อนของแสง และปลอกภายนอกที่ช่วยปกป้องเส้นใยให้ทนต่อการติดตั้งและสภาพแวดล้อม ต่างจากสายทองแดงที่ใช้สัญญาณไฟฟ้า สายไฟเบอร์ออฟติกใช้ “แสง” ทำให้ทนทานต่อสัญญาณรบกวน (Noise) และการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมี ความปลอดภัยของข้อมูลสูง เพราะการดักฟังทำได้ยาก

สายไฟเบอร์ออฟติก (Fiber Optic Cable) คืออะไร?

ดังนั้น สายไฟเบอร์ออฟติก จึงถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตภายในบ้าน การใช้งานในศูนย์ข้อมูล (Data Center) การสื่อสารระหว่างเมือง ไปจนถึงระบบโทรคมนาคมและโครงข่ายระดับประเทศ ซึ่งสายไฟเบอร์ออฟติก จะต้องทำการส่งข้อมูลด้วย “แสง” ผ่านแกนใยแก้ว/ใยพลาสติกนั่นเอง

โครงสร้างของสายไฟเบอร์ออฟติก

ถูกออกแบบมาให้มีโครงสร้างซับซ้อนเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย โดยทั่วไปประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่

  • Core (แกนกลาง) ทำจากแก้วหรือพลาสติก เป็นตัวนำแสงโดยตรง
  • Cladding (เปลือกสะท้อนแสง) มีค่าดัชนีหักเหต่ำกว่า Core เพื่อสะท้อนแสงกลับ
  • Coating (สารเคลือบป้องกัน) ป้องกันการขีดข่วน ความชื้น และแรงกดทับ
  • Strength Member และ Outer Jacket เพิ่มความแข็งแรงและป้องกันสภาพแวดล้อม เช่น แสงแดด ความร้อน หรือแรงดึง

ด้วยโครงสร้างนี้ สายไฟเบอร์ออฟติกจึงมีทั้งแบบสำหรับติดตั้งภายในอาคาร (Indoor) และภายนอกอาคาร (Outdoor) รวมถึงรุ่นพิเศษอย่าง ADSS (All-Dielectric Self-Supporting) ที่สามารถแขวนบนเสาไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องใช้ลวดสลิงเสริมแรง

ทำไมถึงควรใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติก

  1. ความเร็วสูง (High Speed Internet)
    สายไฟเบอร์ออฟติกสามารถส่งข้อมูลได้หลายร้อย Mbps ถึงระดับ Gbps ซึ่งเร็วกว่าสายทองแดงหรือสาย LAN แบบเดิม
  2. ระยะทางไกล (Long Distance Transmission)
    สามารถส่งสัญญาณได้หลายสิบถึงหลายร้อยกิโลเมตร โดยไม่เกิดสัญญาณรบกวน
  3. สัญญาณเสถียร (Stable Connection)
    ไม่ถูกรบกวนจากสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) เหมือนสายทองแดง
  4. รองรับเทคโนโลยีอนาคต
    เหมาะกับระบบอินเทอร์เน็ต 5G, Data Center, Cloud Computing และ IoT
  5. ความปลอดภัยสูง
    การดักฟังข้อมูลทำได้ยาก เพราะการส่งสัญญาณเป็นแสง ไม่ใช่ไฟฟ้า

ประเภทของสายไฟเบอร์ออฟติก

แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักที่นิยมใช้งาน ได้แก่ Single Mode Fiber (SMF) และ Multi Mode Fiber (MMF) โดยแต่ละแบบมีคุณสมบัติและการใช้งานแตกต่างกันดังนี้

Single Mode Fiber Optic (SMF)

  • ลักษณะ เส้นใยแก้วมีขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางแกนกลางประมาณ 8–10 ไมครอน
  • การส่งสัญญาณ ใช้เลเซอร์เป็นตัวส่งข้อมูล จึงลดการกระจายของสัญญาณ (Dispersion) ได้มาก
  • ระยะทาง เหมาะสำหรับการส่งข้อมูลระยะไกล 10–100 กิโลเมตรขึ้นไป
  • การใช้งาน นิยมใช้ในโครงข่ายโทรคมนาคม, อินเทอร์เน็ตระหว่างเมือง, โครงสร้างพื้นฐานระดับ ISP และโครงการขนาดใหญ่

Multi Mode Fiber Optic (MMF)

  • ลักษณะ เส้นใยแก้วมีขนาดใหญ่กว่า เส้นผ่านศูนย์กลางแกนกลางประมาณ 50 หรือ 62.5 ไมครอน
  • การส่งสัญญาณ ใช้หลอดไฟ LED หรือ VCSEL ทำให้สัญญาณเดินทางได้หลายเส้นทาง (Mode)
  • ระยะทาง เหมาะกับการส่งข้อมูลระยะสั้น ไม่เกิน 2 กิโลเมตร
  • การใช้งาน นิยมในระบบเครือข่ายภายในอาคาร (LAN), ศูนย์ข้อมูล (Data Center), และระบบกล้องวงจรปิด (CCTV)

ทั้งนี้ ยังมีสายไฟเบอร์ออฟติกแบบพิเศษ เช่น สาย ADSS (All-Dielectric Self-Supporting) ที่ใช้แขวนกลางอากาศโดยไม่ต้องใช้สายลวดสลิง และ สาย Armored Fiber Optic ที่มีเกราะเหล็กเพื่อป้องกันแรงกดทับหรืองานกลางแจ้งที่เสี่ยงต่อการโดนสัตว์กัดแทะ

หลักการทำงานของ สายไฟเบอร์ออฟติก

การทำงานของ สายไฟเบอร์ออฟติก (Fiber Optic Cable) เริ่มจากอุปกรณ์ส่งสัญญาณทำหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิทัลให้กลายเป็นพัลส์แสง แสงนี้จะถูกส่งเข้าสู่แกนกลางของใยแก้วและสะท้อนกลับภายในอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถเดินทางไปได้ไกลโดยไม่รั่วไหลออกไปนอกเส้นใย เมื่อถึงปลายทาง อุปกรณ์รับสัญญาณจะตรวจจับพัลส์แสงและแปลงกลับมาเป็นข้อมูลดิจิทัลอีกครั้ง

สายไฟเบอร์ออฟติก Fiber Optic Cable

อุปกรณ์ส่ง (Optical Transmitter) ทำหน้าที่เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าหรือข้อมูลดิจิทัลให้กลายเป็นแสง อุปกรณ์ประเภทนี้มักใช้หลอดเลเซอร์ไดโอด (Laser Diode) หรือ LED ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน เช่น การส่งข้อมูลระยะใกล้หรือการสื่อสารระยะไกล พัลส์แสงที่ถูกสร้างขึ้นจะวิ่งเข้าสู่แกนกลางของใยแก้วและเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูง เมื่อแสงเดินทางภายในสายไฟเบอร์ออฟติกจนถึงปลายทาง จะเข้าสู่ อุปกรณ์รับ (Optical Receiver) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับพลังงานแสงและแปลงกลับเป็นสัญญาณไฟฟ้าหรือข้อมูลดิจิทัล เพื่อให้ระบบเครือข่ายสามารถนำข้อมูลไปใช้งานต่อได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว การทำงานของทั้งสองอุปกรณ์นี้เปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน อุปกรณ์ส่งจะทำให้ข้อมูลกลายเป็นแสงเพื่อเดินทางผ่านสายไฟเบอร์ออฟติก ขณะที่อุปกรณ์รับจะดึงข้อมูลกลับออกมาในรูปแบบที่มนุษย์และเครื่องจักรสามารถใช้งานได้

สรุปหลักการ ข้อมูล → พัลส์แสง → เดินทางในแกนใยแก้วด้วยการสะท้อนภายใน → ถูกตรวจจับและแปลงกลับเป็นข้อมูลไฟฟ้า → ใช้งานจริงในอินเทอร์เน็ต/ดาต้าเซ็นเตอร์/โทรคมนาคม ดังนั้น ข้อดีที่ชัดเจนของเทคโนโลยีนี้คือ ความเร็วในการส่งข้อมูลที่สูงมากและสามารถรองรับการใช้งานระดับกิกะบิตไปจนถึงเทราบิตต่อวินาที อีกทั้งยังไม่ถูกรบกวนจากสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าเหมือนสายทองแดง การส่งข้อมูลจึงมีเสถียรภาพสูงและมีความปลอดภัยมากกว่า

การใช้งานของสายไฟเบอร์ออฟติกในระบบเครือข่ายต่าง ๆ

ปัจจุบันสายไฟเบอร์ออฟติกถูกนำไปใช้ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น

  • ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (FTTx)
  • เครือข่ายโทรคมนาคม
  • ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) และ Video Surveillance
  • เครือข่าย Data Center และ Cloud Service
  • โรงงานอุตสาหกรรมและ Smart Factory
  • ระบบ Smart City และโครงข่าย 5G

การเลือกสายไฟเบอร์ออฟติกให้เหมาะกับการใช้งาน

  • เลือกจากระยะ & แบนด์วิดท์ เลือก SMF สำหรับไกล/สปีดสูง, MMF สำหรับอาคาร/ระยะใกล้
  • เลือกจากสภาพแวดล้อม Outdoor ใช้ Loose Tube/ADSS, Indoor ใช้ Tight Buffer
  • เลือกความโค้งงอ เลือกชนิด Bend-Insensitive (เช่น G.657A1/A2) เมื่อต้องเดินโค้ง/เข้าอุปกรณ์แน่น
  • เลือกจากคอนเนกเตอร์ & ผิวขัด LC/SC, UPC/APC ให้ตรงอุปกรณ์ปลายทาง
  • เลือกจากมาตรฐานอ้างอิง ITU-T (G.652D, G.657A), ISO/IEC, TIA/EIA

วิธีทำการทดสอบสายไฟเบอร์ออฟติก

เมื่อติดตั้งยไฟเบอร์ออฟติกเสร็จเรียบร้อยแล้ว จำเป็นต้องทำการทดสอบสายก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าสายเบอร์นั้นได้รับส่งข้อมูลได้ตามต้องการ ซึ่งการทดสอบด้านต่างๆ มีดังนี้

  • การทดสอบด้านเมคานิก (Mechanical Tests)
  • การทดสอบด้านกายภาพ (Geometrical Tests )
  • การทดสอบเกี่ยวกับคุณสมบัติของสาย (Optical Tests)
  • การทดสอบเกี่ยวกับการรับส่งสัญญาณ (Transmission Tests)
ตารางเปรียบเทียบการทดสอบสายไฟเบอร์

การสูญเสียของสัญญาณแสง (Loss) ในสายไฟเบอร์ออฟติก

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ Optical Loss Budget หรือค่าการสูญเสียสัญญาณที่ยอมรับได้ หากติดตั้งและเชื่อมต่ออย่างถูกวิธี เช่น การ Fusion Splice และการทดสอบด้วย OTDR จะทำให้ระบบไฟเบอร์ออฟติกทำงานเต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานยาวนาน โดยสาเหตุสำคัญของการสูญเสียในสายไฟเบอร์ออฟติก ได้แก่

  • ความสูญเสียพลังงาน (Power) ของ Fiber Optic ขึ้นอยู่กับ ความยาวคลื่นที่ใช้ ความยาวคลื่นยิ่งมากเท่าใด อัตราการสูญเสียของแสง จะน้อยลง
  • สำหรับ Silica Glass นั้น ความยาวคลื่นสั้นที่สุด จะมีอัตราการสูญเสียมากที่สุด
  • อัตราการสูญเสีย Power ที่น้อยที่สุด ได้แก่ ความยาวคลื่น 1550 nm
  • หน่วยวัดที่แสดงการสูญเสียของ Power ได้แก่ Decibel (dB) โดยมีหน่วยคิดเป็น dB ต่อกิโลเมตร (dB/km)
  • ค่านี้ ถูกนำมาคำนวณ โดยเอาความยาวทั้งหมดของสาย Fiber Optic คิดเป็น Km

ในการติดตั้งจริง วิศวกรมักใช้เครื่องมือวัด เช่น Optical Power Meter และ OTDR (Optical Time Domain Reflectometer) เพื่อตรวจสอบค่าการสูญเสียในระบบ ค่า Loss ที่ต่ำหมายถึงคุณภาพสายที่ดีและการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของสายไฟเบอร์ออฟติกในปี 2025

ในปี 2025 ปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตและข้อมูลยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการสตรีมมิ่งวิดีโอความละเอียดสูง เช่น การสตรีมวิดีโอความละเอียด 4K/8K, การทำงานบนระบบ Cloud, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) และระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่ต้องการสัญญาณเสถียรตลอดเวลา ซึ่งต้องการแบนด์วิดท์และความเสถียรสูงสุด การที่สายไฟเบอร์ออฟติก มี Loss ต่ำ ทำให้ยังเป็นเทคโนโลยีหลักที่รองรับการเชื่อมต่อในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ โทรคมนาคม หรือเครือข่ายภาครัฐ

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า สายไฟเบอร์ออฟติก ถือเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น ความเร็วสูง ความเสถียร ความปลอดภัย และการรองรับอนาคต จึงเหมาะกับการใช้งานทุกระดับ ตั้งแต่บ้านพักอาศัย ธุรกิจ SME ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่และโครงข่ายโทรคมนาคม หากคุณกำลังมองหา สายไฟเบอร์ออฟติก (Fiber Optic Cable) ที่ไว้ใจได้ ทนทาน มีคุณภาพ มาตรฐานสากล และพร้อมบริการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการเชื่อมต่อของคุณมั่นใจได้ในระยะยาว บริษัท Focomm ผู้จัดจำหน่ายสายไฟเบอร์ออฟติกคุณภาพสูง ครอบคลุมทั้งแบบ Indoor และ Outdoor ไม่ว่าจะเป็น ADSS, Drop Cable, Loose Tube และรุ่น Bend-Insensitive ที่ทนต่อการดัดโค้ง ตอบโจทย์ทั้งงานโครงการ งานโครงข่ายองค์กร ไปจนถึงผู้รับเหมาที่ต้องการสินค้าได้มาตรฐานสากล ติดต่อได้ที่ Line Official : @focomm หรือโทร 081 659 4477

Scroll to Top